ผู้นำองค์กรที่เก่งและครองใจคนในองค์กร พวกเขาทำกันอย่างไร

ผู้นำที่แสดงออกให้เห็นถึงทั้งการมีสติปัญญาหรือความเห็นอกเห็นใจ สิ่งนี้ส่งผลต่อสุขภาพที่ดีและประสิทธิภาพการทำงานที่ดีของพนักงานอย่างเห็นได้ชัด โดยที่พนักงานมีความพึงพอใจในงานสูงถึง 86% ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการเป็นผู้นำที่มีทั้ง สติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจ นั้นย่อมดีกว่ามีแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง
ผู้นำองค์กรที่เก่งและครองใจคนในองค์กร พวกเขาทำกันอย่างไร

รูปแบบของภาวะการเป็นผู้นำ


บทบาทที่สำคัญและมีผลกระทบต่อองค์กรอย่างมากบทบาทหนึ่งก็คือ ผู้นำ การเป็นผู้นำนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเป็นผู้นำที่สามารถพาทีมหรือองค์กรไปในทิศทางที่ประสบความสำเร็จและครองใจคนในทีมหรือองค์กรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน และภาวะการเป็นผู้นำมีหลากหลายรูปแบบ โดยที่ทีมบทบรรณาธิการของ Indeed แบ่งผู้นำในที่ทำงานออกเป็น 10 รูปแบบ คือ รูปแบบการโค้ช (Coaching style), รูปแบบการมีวิสัยทัศน์ (Visionary style), รูปแบบผู้ให้บริการ (Servant style), รูปแบบเผด็จการ (Autocratic style), รูปแบบปล่อยให้ทำ (Laissez-faire style), รูปแบบประชาธิปไตย (Democratic style), รูปแบบผู้นำหน้า (Pacesetter style), รูปแบบการเปลี่ยนแปลง (Transformational style), รูปแบบการดำเนินการ (Transactional style), และรูปแบบข้าราชการ (Bureaucratic style) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละรูปแบบได้ที่นี่

ผู้นำที่มีประสิทธิภาพ: ผู้นำที่ใจดี กับ ผู้นำที่เข้มงวด


ผู้นำมีหลายรูปแบบ สิ่งสำคัญหลัก ๆ คือผู้นำที่พนักงานชอบนั้นเป็นผู้นำที่เป็นคนใจดี หรือผู้นำที่มีความเข้มงวด โดยผู้นำส่วนใหญ่คิดว่าต้องเลือกระหว่างการเป็นผู้นำที่ใจดี กับการเป็นผู้นำที่เข้มงวด สิ่งนี้เป็นการแบ่งแยกที่ผิดที่คิดว่าความใจดีเห็นอกเห็นใจกัน และการตัดสินใจในเรื่องยาก ๆ ของการเป็นผู้นำไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำสิ่งยาก ๆ เป็นสิ่งที่คนต้องทำมากที่สุด โดยมีส่วนประกอบสำคัญ ๆ ในการทำสิ่งยาก ๆ ของผู้นำ 2 สิ่งคือ สติปัญญา (Wisdom) และความเห็นอกเห็นใจ (Compassion)

จากบทความ HBR Rasmus Hougaard และ Jacqueline Carter ได้ให้คำนิยามของ สติปัญญา ว่าเป็นความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่จูงใจผู้คนและส่งเสริมให้มีความโปร่งใส และรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องทำแม้ว่าจะไม่สบายใจที่จะทำก็ตาม ส่วน ความเห็นอกเห็นใจ ถูกนิยามว่าเป็นคุณภาพของการแสดงความห่วงใยต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ หรือมีความตั้งใจในเชิงบวกที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนผู้อื่น

นอกจากนั้นยังมีงานการศึกษาข้อมูลของ Rasmus และ Jacqueline โดยศึกษาจากผู้นำองค์กรและพนักงานจากกว่า 5,000 บริษัท ในเกือบ 100 ประเทศ แสดงให้เห็นถึงพลังที่เหลือเชื่อของสติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจ โดยที่พนักงานที่มีผู้นำที่แสดงออกถึงการมีสติปัญญาหรือความเห็นอกเห็นใจอย่างใดอย่างหนึ่ง จะได้รับประสบการณ์เชิงบวก  พนักงานรู้สึกสนุกและมีส่วนร่วมกับงานของตนเองและมักจะไม่ค่อย Burnout หรือหมดไฟในการทำงาน และเมื่อผู้นำที่แสดงออกให้เห็นถึงทั้งการมีสติปัญญาหรือความเห็นอกเห็นใจ สิ่งนี้ส่งผลต่อสุขภาพที่ดีและประสิทธิภาพการทำงานที่ดีของพนักงานอย่างเห็นได้ชัด โดยที่พนักงานมีความพึงพอใจในงานสูงถึง 86% ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการเป็นผู้นำที่มีทั้ง สติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจ นั้นย่อมดีกว่ามีแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง

การเป็นผู้นำที่มีทั้ง สติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านการเรียนรู้และฝึกฝน ซึ่งขั้นตอนแรกที่สำคัญคือ ลืมไปก่อนว่าความเป็นผู้นำหมายถึงอะไรและมาเรียนรู้อีกครั้งว่าอะไรคือความเป็นมนุษย์ (ในมุมมองของการเป็นผู้นำ) หรือกล่าวได้ง่าย ๆ ว่า ภาวะผู้นำนั้นเกี่ยวกับการมองเห็นการรับฟังผู้อื่น การกำหนดทิศทาง แล้วปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ควบคุมสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

Chris Toth, CEO ของบริษัทเครื่องมือทางการแพทย์ Varian กล่าวว่า ถ้าคุณเริ่มคิดว่าอะไรที่เป็นบทบาทของเราในฐานะผู้นำ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่าย และบทบาทของเราไม่ใช่คนที่ตัดสินใจหรือเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในห้อง จริงๆ แล้วมันค่อนข้างอันตรายถ้าการตัดสินใจหันไปหาผู้นำอยู่เสมอ คุณต้องสร้างวัฒนธรรมแห่งความเห็นอกเห็นใจและการให้อำนาจในการตัดสินใจที่ยอมรับความคิดเห็นที่หลากหลาย สิ่งนี้ช่วยปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ ผลการทำงาน และความสุขของคน

วิธีครองใจคนสำหรับผู้นำ


เพื่อส่งเสริมแนวทางการเป็นผู้นำที่มีทั้งสติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจนี้ สำคัญอย่างยิ่งที่ต้องยอมรับว่าเราเป็นมนุษย์ที่ต้องการเชื่อมต่อกับผู้อื่นที่เป็นมนุษย์เช่นเดียวกันกับเรา และมี 4 วิธีที่ครองใจคนได้ในฐานะผู้นำ ได้แก่

  1. จดจำกฎเหล็กที่ว่า “จงปฏิบัติกับผู้อื่นเหมือนกับที่คุณต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติกับคุณ”
    ความเห็นอกเห็นใจ เป็นความต้องการที่จะเห็นผู้อื่นมีความสุขและความพร้อมที่จะลงมือทำเพื่อช่วยให้เกิดสิ่งนี้ และจากกฎเหล็กที่กล่าวถึงในหัวข้อนี้ เป็นขั้นตอนที่มีประโยชน์สำหรับการลงมือทำเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจ เพราะสิ่งนี้ทำให้ผู้คนต้องพิจารณาถึงมุมมองของผู้อื่น เมื่อเราสามารถเข้าใจความรู้สึกในมุมมองของผู้อื่นแล้วเราก็จะสามารถมีมุมมองใหม่เกี่ยวกับความท้าทายที่เกิดขึ้น (โดยไม่มีอคติจากมุมมองของตนเองเพียงอย่างเดียว) เราสามารถใช้เวลาขณะหนึ่งเพื่อยอมรับว่า เรามีมุมมองหนึ่งต่อเหตุการณ์นั้นๆ แต่อาจมีมุมมองของผู้อื่นที่แตกต่างกันไปจากเหตุการณ์เดียวกันก็ได้ แม้ว่าการมองในมุมของคนอื่นมันดีสำหรับการสะท้อนความคิดของตนเอง แต่สิ่งสำคัญที่ต้องหลีกเลี่ยงคือความคิดที่ว่าคุณรู้ว่าคนอื่นรู้สึกหรือประสบพบเจออะไรมา โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายในปัจจุบัน เราต้องสร้างความสมดุลในการมองในมุมมองของผู้อื่น โดยไม่ทึกทักว่าเราเข้าใจความจริงของคนอื่น ซึ่งสิ่งนี้เองต้องการการรับฟังที่ดีและตั้งใจ
  2. ฟังอย่างตั้งใจ ดังคำกล่าวที่ว่า มนุษย์เรามีสองหูหนึ่งปาก สิ่งนี้หมายถึง เราสามารถหรือควรรับฟังมากเป็นสองเท่ากว่าที่เราพูด
    เมื่อเรารับฟังผู้อื่นอย่างแท้จริงแล้วพวกเขาจะรู้สึกได้ถึงการรับฟังและมองเห็น ซึ่งตอบสนองความต้องการพื้นฐานหนึ่งของมนุษย์ ถ้าคุณรับฟังอย่างตั้งใจที่มีการเปิดใจและเต็มใจที่จะเรียนรู้ นี่ไม่เพียงที่จะทำให้คุณฉลาดขึ้นแต่ยังสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างแท้จริง คุณต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวถ้าคุณมีบทสนทนาที่สำคัญขึ้นมา สิ่งนี้อาจหมายถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่คุณสามารถแสดงให้เห็นถึงความตั้งอกตั้งใจในการรับฟังได้อย่างเต็มที่และอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการหรือรู้สึก มากกว่าการที่ไปโฟกัสกับการแก้ไขปัญหา
  3. ถามตัวเองว่า เรามีประโยชน์ต่อผู้อื่นได้อย่างไร ดังสุภาษิตจีนที่ว่า “ไม่มีทางสู่ความเห็นอกเห็นใจ เพราะความเห็นอกเห็นใจเป็นหนทาง”
    ถามตัวเองว่า เรามีประโยชน์ต่อผู้อื่นได้อย่างไรบ้าง เป็นวิธีหนึ่งของ ความเห็นอกเห็นใจ เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกมีส่วนร่วมกับบางคน คุณจะคิดสักนิดว่าอะไรที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนคนนี้ อะไรที่เป็นสิ่งที่ท้าทายหรือเป็นสิ่งที่กำลังไปได้ดีกับเขา และถามตัวเองว่า ความช่วยเหลืออะไรที่จะช่วยให้พวกเขาเอาชนะอุปสรรคของพวกเขาได้ พวกเขาต้องการการสะกิดเตือนอะไรที่เพิ่มการตระหนักรู้หรือรับรู้ในจุดบอดที่สร้างความยุ่งยากให้พวกเขา ไตร่ตรองคำถามเหล่านี้ก่อนที่คุณจะพบกับพวกเขา สิ่งนี้จะช่วยสร้างการปฏิสัมพันธ์ที่มีความเห็นอกเห็นใจมากยิ่งขึ้นที่เน้นไปด้านการเติบโตและการพัฒนาของคนเหล่านี้
  4. ทำให้คนเห็นถึงศักยภาพของตนเอง การเป็นผู้นำคือการส่งเสริมผู้คนด้วยการชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ผู้คนไม่ต้องการเผชิญหน้า
    เราทุกคนต้องการการยอมรับและได้รับความชื่นชม ผู้นำที่ดีให้คุณค่ากับสิ่งที่เราเป็นในตอนนี้ แต่ยังท้าทายเราในการที่ทำให้เราพยายามทำให้ดีขึ้นเพื่อดึงศักยภาพของตัวเราออกมา นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อบางคนทำได้ดีอยู่แล้ว และจะไปผลักดันให้คนเหล่านี้ทำให้ดีขึ้นอีก สิ่งนี้สามารถทำให้พวกเขาท้อใจและหมดกำลังใจได้ แต่การเป็นผู้นำไม่ใช่แค่พยายามทำให้ทุกคนพอใจและสบายใจ แต่การเป็นผู้นำต้องส่งเสริมผู้คนด้วยการชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการเผชิญหน้า แทนที่จะหลีกเลี่ยงจากบทสนทนาที่ไม่สบายใจเหล่านี้ ให้พยายามมองที่บทบาทของคุณในการดึงศักยภาพของคนด้วยการแสดงออกถึงความห่วงใยที่แท้จริง

บทสรุป

จากที่ได้กล่าวมาในบทความว่า การเป็นผู้นำที่มีทั้งสติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจนั้นต้องผ่านการเรียนรู้และฝึกฝน และในฐานะผู้นำ คุณสามารถนำทั้งสี่ขั้นตอนนี้ไปฝึกฝนและปฏิบัติกันได้ไม่ว่าจะเป็นการจำกฎเหล็ก, การฟังอย่างตั้งใจ, การตั้งคำถามกับตัวเองถึงประโยชน์ต่อผู้อื่น และการดึงศักยภาพของคนในทีมหรือในองค์กรออกมาได้ แล้วเราลองมาดูกันว่าคุณได้ครองใจคนไปได้เท่าไรแล้ว
ทาง Happily.ai แพลตฟอร์มการวิเคราะห์บุคคลากรและสร้างความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน ได้ออกแบบการสร้างวัฒนธรรมที่ช่วยส่งเสริมการรับฟังกันมากขึ้นผ่านการให้ฟีดแบ็ก และเรายังเป็นเครื่องมือหนึ่งสำหรับผู้นำหรือผู้จัดการในการฝึกฝนการเป็นผู้นำที่มีทั้ง สติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจ ผ่านฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้และรับฟีดแบ็ก การชื่นชมยินดีกันในองค์กร รวมไปถึงข้อมูลของพนักงานที่เป็น Talent ในองค์กรของคุณด้วย สามารถเยี่ยมชมและทดลองใช้เครื่องมือของเราได้ที่นี่

apple

เอกสารอ้างอิง

[1] https://www.indeed.com/career-advice/career-development/10-common-leadership-styles

[2] https://hbr.org/2020/12/compassionate-leadership-is-necessary-but-not-sufficient

[3] https://hbr.org/2021/11/becoming-a-more-humane-leader

[4] People photo created by rawpixel.com - www.freepik.com

Subscribe to Smiles at Work | The Official Happily.ai Blog newsletter and stay updated.

Don't miss anything. Get all the latest posts delivered straight to your inbox. It's free!
Great! Check your inbox and click the link to confirm your subscription.
Error! Please enter a valid email address!