จริง ๆ แล้วผู้นำเขาทำอะไรกัน

ภาวะผู้นำและการบริหารจัดการเป็นสองสิ่งที่สำคัญและเป็นส่วนเติมเต็มกัน ซึ่งแต่ละสิ่งมีหน้าที่และกิจกรรมที่ทำแตกต่างกันไป และทั้งสองสิ่งก็มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ซับซ้อนและผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น
จริง ๆ แล้วผู้นำเขาทำอะไรกัน

ภาวะผู้นำและการบริหารจัดการ

John P. Kotter นักเขียนหนังสือขายดี และศาสตราจารย์ด้าน Leadership, Emeritus ที่ Harvard Business School ได้เขียนอธิบายความแตกต่างของ ภาวะผู้นำ (Leadership) กับ การบริหารจัดการ (Management) โดยกล่าวว่า ผู้นำไม่ได้เป็นคนวางแผน, แก้ไขปัญหา, และไม่แม้แต่จะจัดการคนในองค์กร แล้วผู้นำเขาทำอะไรกัน สิ่งที่ผู้นำทำจริง ๆ นั้นก็คือเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น และช่วยให้องค์กรรับมือและผ่านการเปลี่ยนแปลงนี้ไปได้อย่างราบรื่น

ภาวะผู้นำและการบริหารจัดการเป็นสองสิ่งที่สำคัญและเป็นส่วนเติมเต็มกัน ซึ่งแต่ละสิ่งมีหน้าที่และกิจกรรมที่ทำแตกต่างกันไป และทั้งสองสิ่งก็มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ซับซ้อนและผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนสามารถเก่งทั้งการนำและการบริหารองค์กร บางคนสามารถเป็นผู้บริหารที่ยอดเยี่ยมแต่ไม่สามารถเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งได้ หรือบางคนมีศักยภาพในการเป็นผู้นำที่ดีแต่ยากที่จะเป็นผู้บริหารที่แข็งแกร่งได้  องค์กรต้องการคนที่มีคุณสมบัติทั้งสองสิ่งนี้ โดยการรู้ถึงความแตกต่างพื้นฐานระหว่างการเป็นผู้นำและการบริหารจัดการมีส่วนสำคัญในการพัฒนาบุคลากรระดับสูงในองค์กรให้ทั้งสามารถมีภาวะผู้นำและสามารถบริหารจัดการองค์กรได้

ความแตกต่างระหว่างภาวะผู้นำและการบริหารจัดการองค์กร

การบริหารจัดการคือการรับมือกับความซับซ้อน ส่วนภาวะผู้นำคือการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง การรับมือกับความซับซ้อน สื่อถึงแนวทางการปฏิบัติและขั้นตอนที่ใช้ในการพัฒนาองค์กร และยิ่งในองค์กรที่มีขนาดใหญ่หากมีการจัดการที่ไม่ดีแล้วสิ่งนี้สามารถสร้างความวุ่นวายและส่งผลเสียต่อองค์กรได้ ในขณะที่องค์กรที่มีการจัดการที่ดีจะนำมาซึ่งผลประกอบการที่ดีและงานที่มีคุณภาพ

เนื่องจากในปัจจุบันโลกธุรกิจมีการแข่งขันและผันผวนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวิกฤตโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และทุกธุรกิจเป็นวงกว้างในระดับโลก สิ่งนี้ทำให้ผู้นำที่ต้องการนำพาองค์กรให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้จำเป็นต้องสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ดี

ซึ่งการทำสิ่งที่ต่างกันของภาวะผู้นำและการบริหารจัดการที่กล่าวมานั้น ทำให้ทั้งภาวะผู้นำและการบริหารจัดการมีลักษณะกิจกรรมที่แตกต่างกัน ทั้งในการตัดสินใจว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ การสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้ และการพยายามทำให้แน่ใจได้ว่าพนักงานทำงานจริง และการเป็นผู้นำและการบริหารจัดการจะดำเนินการทั้งสามอย่างที่กล่าวมาได้สำเร็จในวิธีที่ต่างกัน ดังนี้

  1. ภาวะผู้นำจะทำการกำหนดทิศทาง ส่วนการบริหารจัดการจะทำการวางแผนงานและกำหนดงบประมาณ
    การจัดการความซับซ้อนอันดับแรกก็คือการวางแผนงานและกำหนดงบประมาณในองค์กร โดยมีการตั้งเป้าหมายขององค์กร จากนั้นก็ใส่รายละเอียดของแต่ละขั้นตอนและจัดสรรทรัพยากรเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย ในทางตรงกันข้าม การนำพาองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์ด้วยการกำหนดทิศทางนั้นก็คือการพัฒนาวิสัยทัศน์ควบคู่ไปกับกลยุทธ์
  2. ภาวะผู้นำจะทำให้ทุกคนในองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนการบริหารจะจัดการองค์กรและบุคลากรในองค์กร
    การบริหารจัดการจะพัฒนาความสามารถในการบรรลุตามแผนงานที่ตั้งไว้ด้วยการจัดการองค์กรและการจัดการบุคลากร การสร้างโครงสร้างทางองค์กรและงานที่ส่งเสริมให้บรรลุตามแผนงาน ในส่วนของกิจกรรมของภาวะผู้นำก็คือ การทำให้ทุกคนในองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน ผู้นำจะสื่อสารกับคนในองค์กรถึงทิศทางใหม่ ๆ
  3. ภาวะผู้นำจะสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจให้คนในองค์กร ส่วนการบริหารจัดการจะควบคุมและแก้ไขปัญหาในองค์กร
    การบริหารจัดการทำให้แน่ใจได้ว่างานจะบรรลุผลตามเป้าหมายโดยการควบคุมและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหรืออาจกล่าวได้ว่ามีการติดตามผล ไม่ว่าจะด้วยการใช้การรายงาน การประชุม และเครื่องมืออื่น ๆ แต่สำหรับภาวะผู้นำแล้วการทำให้วิสัยทัศน์ประสบความสำเร็จได้นั้นต้องการแรงจูงใจและแรงบันดาลใจของคนในองค์กร โดยการทำให้พนักงานก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้องแม้ว่าจะมีอุปสรรคจากการเปลี่ยนแปลงก็ตาม ด้วยการดึงดูดความต้องการพื้นฐาน ค่านิยม และอารมณ์ที่แฝงอยู่ของมนุษย์ เช่น การประสบผลสำเร็จ ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง การได้รับการยอมรับ หรือความภูมิใจในตัวเอง

บทสรุป

ภาวะผู้นำและการบริหารจัดการมีความแตกต่างกันแต่ก็เป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน โดยที่องค์กรจะประสบความสำเร็จได้นั้นจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้เลย จะเห็นได้ว่าทั้งผู้นำและผู้บริหารนี้มีงานหลัก ๆ ที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่ผู้นำทำจริง ๆ แล้วนั้นก็คือกำหนดทิศทาง, ทำให้องค์กรไปในทิศทางเดียวกัน, และสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจให้พนักงานในองค์กร จากการดำเนินการที่ต่างกันจะเห็นได้ว่าผู้บริหารจะส่งเสริมสนับสนุนเสถียรภาพขององค์กรในขณะที่ผู้นำจะเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง

happily.ai

เอกสารอ้างอิง

[1] https://hbr.org/2001/12/what-leaders-really-do

[2] Business photo created by katemangostar - www.freepik.com

Subscribe to Smiles at Work | The Official Happily.ai Blog newsletter and stay updated.

Don't miss anything. Get all the latest posts delivered straight to your inbox. It's free!
Great! Check your inbox and click the link to confirm your subscription.
Error! Please enter a valid email address!