ในช่วงที่ผ่านมาทาง Happily.ai ได้ทำการปล่อยหนังสือเล่มใหม่ เกี่ยวกับด้าน Resilience
โดยศัพท์นี้นั้น คนไทยอาจจะรู้สึกว่า ไม่ค่อยคุ้นเคย สะกดก็ยาก อ่านเสียงก็ยาก
แต่ถ้าพูดเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะเคยผ่านหูมา อย่าง
ขออย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอ
ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน
สู้ สู้ สู้ หรือจะยอมแพ้
อย่า อย่าหยุดยั้ง ก้าวไปยังสิ่งที่หมาย
ทุกคนคงจะอ๋อ ว่าคอนเซปต์ของคำนี้คืออะไร
นั่นก็คือ การที่ไม่ยอมแพ้กับ ความผิดพลาด ความล้มเหลว แต่ เรียนรู้ ปรับตัว และสู้ เพื่อที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ และทุกครั้งที่สามารถปรับตัวกลับมาได้ ก็มักจะเก่งขึ้นเสมอๆ จากบทเรียนที่ได้เรียนรู้ไปในช่วงที่ล้มลงไป เรียกได้ว่า ก้าวไปสู่อีกเลเวลหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้
สำหรับวันนี้นั้น ทางเราขอนำเสนอเรื่องราวของ ปูชนียบุคคลของโลก ที่ทุกคนรู้จักกันดี นั่นคือ
โธมัส เอดิสัน
ทุกคนคงจะรู้จักเขาดีในฐานะ ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน
แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขายังเป็นผู้คิดประดิษฐ์ ทั้งเครื่องบันทึกเสียง และการทำภาพยนตร์ อีกด้วย
เรียกว่า ถ้าไม่มีเขา ทุกวันนี้ คุณอาจจะไม่ได้สนุกไปกับหนังดีๆ อย่างพวก Avengers, Titanic, Joker, หรือ Toy Story ก็ได้
และเขาก็ยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทขนาดยักษ์อย่าง General Electric อีกด้วย
แต่ก่อนจะมาเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้นั้น เอดิสัน ต้องผ่านความล้มเหลวมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน
อย่างเช่นการเข้าเมืองมาหางานทำ แม้จะเป็นนักประดิษฐ์ที่โด่งดังจากบ้านเกิด แต่ก็หางานทำไม่ได้หลายเดือน จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนช่วยซื้อหาอาหารให้ และให้ไปนอนพักในห้องเครื่องของโรงงานในบริษัท จนได้มีโอกาสช่วยซ่อมเครื่องจักรให้ทางบริษัทจนได้งานทำ
การประดิษฐ์เครื่องนับผลโหวตในรัฐสภา แต่ก็ถูกปฏิเสธดีลในการซื้อขายจนท้อแท้ แต่สุดท้ายก็ไม่เลิกราที่จะสร้างสรรค์ของใหม่ๆ
และท้ายสุดคือ การที่เขาพยายามจะประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า มาเพื่อใช้แทนไฟแก๊สที่อันตราย และใช้ในบ้านได้ยากลำบาก โดยเขาได้ล้มเหลวไปเกือบพันครั้งกว่าจะสามารถหาวัตถุดิบที่เหมาะสมมาเป็นไส้หลอด อย่าง ถ่านไม้ไผ่ญี่ปุ่น ที่สามารถเผาไหม้ได้นานถึงหลายร้อยชั่วโมง โดยไม่ขาดเหมือนวัตถุดิบอื่นๆ
และจากความสำเร็จนั้นเอง ได้นำมาสู่การเติบโตของธุรกิจของเขา รวมถึงความโด่งดังของเขตที่เขาทำอยู่ในชื่อ เมนโลปาร์ก ซึ่งปัจจุบันนั้นเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริษัทด้านเทคโนโลยีชื่อดังอีกแห่งหนึ่งที่รู้จักกันดี นั่นคือ Facebook
จากที่คุณอ่านมาคุณคงจะเห็นถึงความสำคัญ และความสำเร็จอันเกิดมาจากการปรับตัว ไม่ยอมแพ้ ล้มและลุกขึ้นมาใหม่ มีความคิดก้าวหน้าแบบ Growth Mindset อันนำพาไปสู่ความสำเร็จอันยั่งยืน ของทั้งตัวผู้ที่มีสิ่งนี้ และตัวองค์กรที่มีแต่คนที่ไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลวอยู่
ดังนั้นวันนี้ เราจึงขอชวนคุณมาลองเรียนรู้ถึงการวัดผล Resilience เพื่อที่จะได้ตรวจเช็คว่า คนของคุณ พร้อมจะสู้ไปด้วยกันมากน้อยแค่ไหน จากหนังสือฟรีของเรา ดาวน์โหลดเลย เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่างของเรา!