Nudge พฤติกรรมที่องค์กรอยากเห็น เพื่อพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ

การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ นั่นคือไอเดียของการ Nudge เพียงแค่ปรับเปลี่ยนบริบทแวดล้อม คุณก็สามารถกระตุ้นให้พนักงานเปลี่ยนและมีพฤติกรรมหรือทัศนคติที่คุณอยากเห็นในที่ทำงานของคุณได้
Nudge พฤติกรรมที่องค์กรอยากเห็น เพื่อพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ
Photo by Kelly Sikkema / Unsplash

ปัจจุบันองค์กรต่างพยายามพัฒนา Employee Engagement เพิ่ม Productivity และ Performance โดยรวมขององค์กรด้วยเครื่องมือและวิธีการที่แตกต่างกันไป และหนึ่งในนั้นคือการ Nudge หรือการสะกิดให้เกิดพฤติกรรมที่อยากเห็น บทความนี้ เราจะชวนคุณมาทำความรู้จักกับ Nudge เข้าใจถึงประโยชน์และวิธีการใช้งานของเครื่องมือนี้ ผ่านตัวอย่างที่ช่วยฉายภาพการทำงานของ Nudge ในบริบทขององค์กร

การ Nudge พฤติกรรมคืออะไร ?

การ Nudge คือวิธีการสะกิดให้เกิดหรือไม่เกิดพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่งขึ้น โดย Nudge จะถูกออกแบบให้กระตุ้นและส่งเสริมให้คนหรือกลุ่มเป้าหมายเลือกทางเลือกที่ผู้ออกแบบคาดหวังว่าจะนำไปสู่ผลลัพธ์หรือเป้าหมายที่วางไว้ ทฤษฎี Nudge คือไอเดียที่เชื่อว่า คนเราจะเลือกทางเลือกเชิงบวกเมื่อได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและมีสิ่งจูงใจ

Nudge ทำงานอย่างไร ?

Nudge คือหนึ่งในเครื่องมือที่นำพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral Science) มาใช้กระตุ้นการเลือกของคน การปรับเปลี่ยนผังที่นั่งเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานถือเป็น Nudge รูปแบบหนึ่งที่ทำได้ง่าย ๆ หรือการ Nudge อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้น เช่น กระตุ้นให้พนักงานทำงานบรรลุเป้าหมายด้วยการให้รางวัลตอบแทน เป็นต้น

การนำ Nudge ไปใช้ในองค์กร

องค์กรสามารถนำ Nudge ไปกระตุ้นให้พนักงานปฏิบัติหรือมีพฤติกรรมเชิงบวกและเกิดผลที่ดีขึ้นต่อองค์กรได้โดยที่ไม่ต้องบีบบังคับหรือออกเป็นข้อกำหนดของบริษัท Nudge เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ส่งเสริมนิสัยที่ดี เสริมสร้าง Teamwork และการทำงานร่วมกันได้

ใช้ Nudge ในองค์กรของคุณ เพื่อพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรได้ด้วย Happily.ai

เรียนรู้เพิ่มเติม

ตัวอย่างของ Nudge ในที่ทำงาน

  1. การ Nudge ผ่านเหตุการณ์ (Situational Nudges): Nudge ประเภทนี้จะเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางกายภาพเพื่อสะกิดให้เกิดพฤติกรรมขึ้น ตัวอย่างเช่น วางขนมเพื่อสุขภาพไว้ในระดับสายตาของห้องพักเบรกพนักงานเพื่อให้พวกเขาสังเกตเห็นได้ง่ายกว่า และเลือกหยิบขนมเพื่อสุขภาพแทน
  2. การ Nudge ด้วยตัวเลือกตั้งต้น (Default Nudges): คือให้ Nudge เป็นทางเลือกตั้งต้นเพื่อทำให้เกิดพฤติกรรมที่คาดหวัง เช่น พนักงานทุกคนจะเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อการเกษียนอายุแบบอัตโนมัติ เพื่อให้พนักงานได้มีเงินเก็บออมใช้หลังเกษียนอายุการทำงาน
  3. การ Nudge ผ่านสังคม (Social Nudges): Nudge ชนิดนี้จะให้คนในสังคมกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมขึ้น เช่น สร้างโปรแกรม Recognition ให้แก่พนักงาน เป็นการให้รางวัลพวกเขาสำหรับความร่วมมือและแชร์ความรู้ให้แก่กัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทำงานเป็นทีม
  4. การ Nudge ด้วย Feedback (Feedback Nudges): การให้ Feedback ก็สามารถสะกิดและกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่คาดหวังได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ให้ Feedback กับพนักงานในผลการทำงานของพวกเขาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาปรับปรุงอย่างไม่มีสิ้นสุด

แบบอย่างการออกแบบ Nudge ที่ใช้งานได้จริงและประสบความสำเร็จ

การออกแบบ Nudge ต้องพิจารณารายละเอียดหลายองค์ประกอบอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่หลักการและทฤษฎีของ Behavioral Science ต้องทำความเข้าใจบริบทที่อยู่แวดล้อมเป้าหมายที่ต้องการจะเข้าไปกระตุ้นและสะกิดให้เกิดพฤติกรรมนั้น ๆ ขึ้น เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจ Nudge มากขึ้น เราจึงขอยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ต้องการจะสะกิดและกระตุ้นให้หัวหน้างานเข้าไปพูดคุยกับพนักงานแบบตัวต่อตัว

1. ระบุพฤติกรรมที่อยากจะเห็น: นั่นคือกำหนดพฤติกรรมเป้าหมายที่อยากเห็นให้ชัดเจน เช่น ทำให้เกิดการพูดคุยและการสื่อสารที่ดีขึ้นในทีม หรือทำให้พนักงานมีพฤติกรรมการกินที่ดีขึ้น เป็นต้น

ตัวอย่าง: เราอยากกระตุ้นให้หัวหน้างานวางกำหนดการและเตรียมตัวสำหรับการประชุมแบบตัวต่อตัว

2. ทำความเข้าใจอุปสรรคขัดขวางพฤติกรรมนั้น ๆ และบริบทที่เกี่ยวข้อง: คุณต้องทำความเข้าใจอุปสรรคเหล่านี้อย่างถ่องแท้เพื่อออกแบบ Nudge ที่ใช้งานได้จริง อุปสรรคหรือสิ่งขัดขวางที่กล่าวถึง อาจจะเป็นวัตถุสิ่งของที่จับต้องได้ หรือเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างเรื่องเชิงจิตวิทยา สังคม และวัฒนธรรม

ตัวอย่าง: อุปสรรคที่จะทำให้เกิดการประชุมตัวต่อตัว อาจจะรวมถึงเวลาที่ไม่เพียงพอ

3. เลือก Nudge ที่เหมาะสม: การ Nudge มีหลายประเภท เช่น Default Nudges, Social Nudges, Feedback Nudges และอื่น ๆ การเลือกประเภทของการ Nudge ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่คุณต้องการกระตุ้น อุปสรรคที่คุณต้องเอาชนะ และบริบทที่พฤติกรรมนั้นเกิดขึ้น

ตัวอย่าง: Feedback Nudges สามารถให้การสนับสนุนและการยอมรับในเชิงบวกสำหรับหัวหน้างานที่ริเริ่มการประชุมแบบตัวต่อตัวกับสมาชิกในทีม ตัวอย่างเช่น การส่งอีเมลแสดงความยินดีไปยังผู้จัดการที่ริเริ่มการประชุมแบบตัวต่อตัวกับสมาชิกในทีมได้สำเร็จ เป็นต้น

4. ทำให้เป็นเรื่องง่าย: หลักการที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของ Behavioral Science คือการทำให้พฤติกรรมที่ต้องการนั้นทำได้โดยง่าย ซึ่งหมายถึงออกแบบการ Nudge ให้เป้าหมายใช้ความพยายามหรือไม่ต้องคิดประมวลอะไรมากนักเพื่อเลือกทำสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น และผสานรวมเข้ากับกิจวัตรประจำวันของเป้าหมายการ Nudge ได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่าง: ทำให้การประชุมแบบตัวต่อตัวกับสมาชิกในทีมเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นประจำในปฏิทินของผู้จัดการตั้งแต่ต้น (Default) หรือใช้แพลตฟอร์มการให้และรับฟีดแบ็กที่เริ่มสร้างบทสนทนาระหว่างผู้จัดการและทีมของพวกเขาได้โดยอัตโนมัติ

5. ทดสอบและทำซ้ำ ๆ : ควรทดสอบและปรับเปลี่ยนการ Nudge เป็นระยะเพื่อให้แน่ใจได้ว่าการ Nudge นี้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน สิ่งสำคัญคือต้องวัดผลของการ Nudge และปรับเปลี่ยนตามความจำเป็นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพได้ด้วย

ตัวอย่าง: วัดผลกระทบของฟีดแบ็กในด้านความถี่และคุณภาพของการประชุมแบบตัวต่อตัว และทำการปรับเปลี่ยน Nudge ตามความจำเป็นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ

ด้วยการทำตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้ คุณสามารถออกแบบการ Nudge ที่มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และสอดคล้องกับหลักการของ Behavioral Science ไม่ว่าคุณกำลังพยายามกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้จัดการเริ่มการประชุมแบบตัวต่อตัว ปรับปรุงวัฒนธรรมในที่ทำงาน ส่งเสริมนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ หรือแม้กระทั่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในองค์กร การ Nudge ที่ออกแบบมาอย่างดีสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมายของคุณได้

Nudge ผู้จัดการหรือหัวหน้างานให้ทำในสิ่งที่ควรทำเพื่อบริหารทีมอย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

องค์กรในอุตสาหกรรม FMCG ใช้การ Nudge เพื่อปรับปรุงวัฒนธรรมในที่ทำงานอย่างไร

บริษัท FMCG แห่งหนึ่งในประเทศไทยประสบปัญหาในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานร่วมกัน แผนกต่าง ๆ มักจะทำงานแบบต่างคนต่างทำ มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างทีมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพและพลาดโอกาสในการใช้ประโยชน์จากความสามารถที่หลากหลายของพนักงาน

เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทางบริษัทได้ใช้ Social Nudge ในรูปแบบของโปรแกรมการชื่นชม (Recognition Program) ภายในองค์กร โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อให้รางวัลแก่พนักงานที่ทำงานร่วมกันและแบ่งปันความรู้ระหว่างทีม บริษัทใช้ซอฟต์แวร์การชื่นชมที่เรียกว่า Happily.ai เพื่อเปิดตัว Recognition Program ในองค์กร องค์กรยังทำให้แน่ใจด้วยว่ามีการแชร์ข้อมูลทั่วทั้งองค์กรและเฉลิมฉลองรางวัลที่ได้รับนี้

เมื่อเวลาผ่านไป Recognition Program ก็ผลิดอกออกผลต่อวัฒนธรรมองค์กร พนักงานเริ่มหาโอกาสที่จะทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานในแผนกอื่น ๆ และผู้จัดการเริ่มตระหนักและให้รางวัลแก่การทำงานเป็นทีมข้ามสายงาน ทำให้บริษัทมีผลผลิตและนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลมาจาก Nudge ทางสังคมนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่บริษัท FMCG ในไทยแห่งนี้ ได้แสดงให้เห็นว่า Social Nudge สามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการปรับปรุงวัฒนธรรมในที่ทำงานได้อย่างไร ด้วยการสร้างแรงจูงใจและการส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก องค์กรสามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมและปรับปรุงผลลัพธ์ได้ Social Nudge อย่างโปรแกรมการชื่นชมนั้นมีประสิทธิภาพ เพราะสิ่งนี้เข้าถึงธรรมชาติทางสังคมของพฤติกรรมมนุษย์ และใช้ประโยชน์จากความต้องการภายในที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของเราในการชื่นชมและการยอมรับทางสังคม

บทสรุป

การกระตุ้นพฤติกรรมด้วยการ Nudge เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงวัฒนธรรมในที่ทำงานและส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก เมื่อเข้าใจหลักการของ Social Science และใช้แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบการ Nudge ที่ประสบความสำเร็จแล้ว คุณจะสามารถโน้มน้าวการกระทำและทัศนคติของเพื่อนร่วมงานและพนักงานของคุณ ไม่ว่าคุณจะพยายามส่งเสริมนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม หรือขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในองค์กร การ Nudge ที่ออกแบบมาอย่างรอบคอบสามารถพลิกสถานการณ์ได้ ทำไมไม่ลองใช้ดูสักหน่อยละ? ใช้เคล็ดลับเหล่านี้เพื่อออกแบบ Nudge ที่มีประสิทธิภาพของคุณเอง และดูว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในที่ทำงานได้จริงด้วยตัวคุณเอง

ลองใช้กันเลยมั้ย? อ่านเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจว่า Happily.ai ใช้ Nudge สะกิดเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่ดี พร้อมทีมงานที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและมีความสุขได้อย่างไรได้

Subscribe to Smiles at Work | The Official Happily.ai Blog newsletter and stay updated.

Don't miss anything. Get all the latest posts delivered straight to your inbox. It's free!
Great! Check your inbox and click the link to confirm your subscription.
Error! Please enter a valid email address!