5 คำถามสำคัญก่อนตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบทำงานเป็น Hybrid

ผู้นำองค์กรจะต้องมีความเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับความต้องการและชีวิตการทำงานของพนักงานในองค์กร เพื่อที่จะทำให้การทำงานแบบ Hybrid มีประสิทธิภาพและเพิ่มความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานได้มากที่สุด
5 คำถามสำคัญก่อนตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบทำงานเป็น Hybrid
Photo by bruce mars / Unsplash

ในบทความก่อนหน้านี้ เราได้พูดถึงประโยชน์ของการทำงานแบบ Hybrid ที่มีต่อองค์กรและพนักงาน และเพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าองค์กรและพนักงานจะได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบ Hybrid หน้าที่สำคัญของผู้นำองค์กรก็คือการเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานขององค์กรให้เหมาะสมกับความต้องการของพนักงาน แต่ผู้นำองค์กรหลาย ๆ คนอาจมีคำถามที่คล้าย ๆ กันเกี่ยวความไม่แน่นอนของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้

คำตอบของ 5 คำถามสำคัญเกี่ยวกับการทำงานแบบ Hybrid

จากบทความของ Ben Wigert ใน Gallup Workplace ได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกล่าสุดของ Gallup ที่ได้ทำการศึกษาประสบการณ์ ความต้องการ และแผนในอนาคตการทำงานของพนักงานกว่า 140,000 คนในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่

และได้แนะนำให้ผู้นำองค์กรสำรวจคำถามสำคัญ 5 ข้อต่อไปนี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนจะเปลี่ยนระบบการทำงานไปเป็นการทำงานแบบ Hybrid:

  1. ตอนนี้พนักงานทำงานอยู่ที่ไหน และในอนาคตพวกเขาจะทำงานจากที่ไหน?
  2. จะเกิดอะไรขึ้นหากองค์กรไม่สามารถสนับสนุนการทำงานแบบ Hybrid หรือ WFH ได้?
  3. เพราะเหตุใดพนักงานจำนวนมากจึงต้องการทำงานแบบ Hybrid?
  4. สัปดาห์การทำงานในอนาคตจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?
  5. เราจะทำให้การทำงานแบบ Hybrid มีประสิทธิภาพและสร้าง Engagement มากขึ้นได้อย่างไร?

การศึกษาของ Gallup สามารถช่วยตอบคำถามเหล่านี้ได้ผ่านข้อมูลทางตัวเลขที่ได้รวบรวมมา และข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรมองเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่าออฟฟิศต่าง ๆ จะมีลักษณะอย่างไรต่อไปในอนาคต และจะมีการเปลี่ยนแปลงของสถานที่ทำงานที่มีความยืดหยุ่นอย่างไรบ้าง

1. ตอนนี้พนักงานทำงานอยู่ที่ไหน และในอนาคตพวกเขาจะทำงานจากที่ไหน?

ก่อนการแพร่ระบาดของ โควิด-19 มีพนักงานที่สามารถทำงานแบบ WFH เพียง 8% เท่านั้น และประมาณ 33% มีการทำงานแบบ Hybrid

แต่หลังจากการเกิดโรคระบาดในเดือนพฤษภาคม 2020 พนักงานส่วนใหญ่ถึง 70% ทำงานแบบ WFH และต่อมาในเดือน กุมภาพันธ์ 2022 พนักงานกว่า 42% มีกำหนดการให้ทำงานแบบ Hybrid และ 39% ยังคงทำงานแบบ WFH ต่อไป

เมื่อถามพนักงานว่าพวกเขาวางแผนที่จะทำงานในระยะยาวจากที่ใด (ตามแผนที่นายจ้างของพวกเขาสื่อสารไว้) พนักงานที่สามารถทำงานจากระยะไกลได้ยืนยันว่าตารางการทำงานแบบ Hybrid จะเป็นรูปแบบการทำงานที่โดดเด่นในอนาคต ประมาณ 53% คาดว่าจะใช้ระบบ Hybrid และ 24% คาดว่าจะทำงานแบบ WFH ตลอดการทำงาน

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมในออฟฟิศที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะจำนวนพนักงานที่ต้อง WFH อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์จะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าหากเปรียบเทียบกับตัวเลขก่อนเกิดโรคระบาด และพนักงานส่วนใหญ่ชอบการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้ ซึ่งในปัจจุบัน พนักงาน 90% ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน และ 60% ของพนักงานชอบการทำงานแบบ Hybrid เป็นพิเศษ จะเห็นได้ชัดว่าพนักงานส่วนใหญ่รู้สึกคุ้นเคยกับความยืดหยุ่นในการทำงานจากระยะไกลและสิ่งนี้เป็นความคาดหวังในการทำงานในอนาคตของพนักงาน แม้ว่าแผนการที่จะให้ความยืดหยุ่น และการทำงานแบบ Hybrid และ WFH กับพนักงานจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ก็ยังมีพนักงานมากพอสมควรที่จะไม่ได้รับความยืดหยุ่นที่ต้องการ

2. จะเกิดอะไรขึ้นหากองค์กรไม่สามารถสนับสนุนการทำงานแบบ Hybrid หรือ WFH ได้?

จากการสำรวจของ Gallup ผู้นำและผู้จัดการชอบการทำงานแบบ Hybrid มากกว่าการให้พนักงาน WFH ทั้งหมด เพราะผู้นำต้องการเปิดรับความต้องการของพนักงาน แต่พวกเขายังคงกังวลเกี่ยวกับการรักษาผลงานและวัฒนธรรมของทีม หากสมาชิกในทีมทำงานจากที่บ้านเป็นหลักในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ ผู้นำบางคนอาจจำกัดตัวเลือกในการให้พนักงาน WFH ในอนาคต

โดยปกติแล้ว สถานที่ทำงานไม่ใช่ตัวกำหนดประสบการณ์ของพนักงานเพียงอย่างเดียว องค์กรจะต้องสร้างสถานที่ทำงานที่มุ่งมั่นในการส่งเสริม Engagement และ Well-being ของพนักงาน มีผู้จัดการที่ยอดเยี่ยม และวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง แต่อย่างไรก็ตาม การดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้กับองค์กรท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ จำเป็นต้องมีการทบทวนและตอบคำถามเรื่องรูปแบบการทำงาน

Gallup ได้ถามพนักงานโดยตรงว่าพวกเขาจะหางานใหม่หรือไม่หากนายจ้างหยุดเสนอทางเลือกการทำงานแบบ Hybrid หรือ WFH ในอนาคต และพบว่าพนักงาน 54% ที่กำลัง WFH แบบเต็มรูปแบบ กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะหางานใหม่ และ 38% ของคนพนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid ก็พูดในแบบเดียวกันหากนายจ้างจะหยุดเสนอทางเลือกการทำงานแบบยืดหยุ่น

3. เพราะเหตุใดพนักงานจำนวนมากจึงต้องการทำงานแบบ Hybrid?

จากการสอบถามพนักงานที่ต้องการทำงานแบบ Hybrid ว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการการทำงานรูปแบบนี้ในอนาคต พบว่าคำตอบที่พบบ่อยที่สุดคือ พนักงานต้องการมีเวลาทำงานจากที่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงเวลาในการเดินทาง รู้สึกมี Well-being ที่ดีขึ้น และมี Work-life balance ในขณะเดียวกัน เหตุผลหลักที่พนักงานต้องการมีเวลาที่จะได้เข้าไปทำงานในออฟฟิศก็เพราะว่าพวกเขาอยากมีโอกาสในการพบปะเพื่อนร่วมงานและมีความรู้สึกเชื่อมต่อกับองค์กร

ข้อมูลของ Gallup ยังแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าพนักงานที่ WFH จะมีความยืดหยุ่นในการทำงานอย่างเต็มที่ แต่ 40% ของพนักงานเหล่านั้นก็ยอมที่จะสละเวลาที่บ้านบางส่วนเพื่อประสบการณ์การทำงานในออฟฟิศร่วมกับเพื่อนร่วมงาน โดยรวมแล้ว เหตุผลหลักที่พนักงานต้องการให้องค์กรจัดเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานแบบ Hybrid เป็นเพราะพวกเขาต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการสัปดาห์การทำงานของตัวเอง ในขณะที่ยังคงรู้สึกเชื่อมต่อกับองค์กรและเพื่อนร่วมงาน

4. สัปดาห์การทำงานในอนาคตจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?

ในฐานะผู้นำองค์กร คุณอาจกำลังถามตัวเองว่า “ทีมของฉันควรมาทำงานที่ออฟฟิศกี่วันต่อสัปดาห์?” หรือ “เราควรใช้การจัดการตารางเวลาในการทำงานแบบยืดหยุ่นอย่างไร” จากการสอบถามพนักงานพบว่า พนักงาน 40% ต้องการทำงานในออฟฟิศ 2 ถึง 3 วันต่อสัปดาห์ และพนักงานอีก 30% ต้องการเข้าทำงานในออฟฟิศเพียง 1 หรือ 2 วันต่อสัปดาห์ คำตอบที่ได้รับจากพนักงานยังคงไม่ชัดเจน แต่พนักงานส่วนใหญ่ก็เห็นตรงกันว่าการใช้เวลาในออฟฟิศอย่างพอสมควรเป็นเรื่องสำคัญ

เช่นเดียวกัน ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดเกี่ยวกับข้อมูลความต้องการของพนักงานในเรื่องของการกำหนดตารางเวลาที่ชัดเจนว่าจะทำงานที่บ้านหรือเข้าออฟฟิศในวันไหนบ้าง แต่พนักงานประมาณ 40% กล่าวว่าพวกเขาต้องการอิสระอย่างเต็มที่ในการจัดการตารางเวลาของตัวเอง และ 60% ของพนักงานต้องการการกำหนดตารางเวลาที่มีโครงสร้างที่ชัดเจนมากกว่า

โดยธรรมชาติแล้ว ความชอบของพนักงานและความเหมาะสมของตารางการทำงานแบบ Hybrid นั้นจะแตกต่างกันไปตามองค์กร ทีม บทบาทการทำงาน และพนักงานแต่ละบุคคล ดังนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้นำจะต้องประเมินว่าแนวทางปฏิบัติประเภทใดที่จะให้ผลที่ดีที่สุดสำหรับทีมของตนเอง โดยพิจารณาจากประเภทของงานที่สมาชิกในทีมต้องทำ การสนับสนุนที่จำเป็นสำหรับสมาชิกในทีม และวัฒนธรรมของทีม แต่ถึงแม้ว่าตารางการทำงานแบบ Hybrid จะดูแตกต่างไปตามองค์กรและทีม สิ่งที่สำคัญที่ผู้นำองค์กรทำได้คือการประเมินและปรับเปลี่ยน และประเมินใหม่อีกครั้งเรื่อย ๆ ว่าการจัดการในปัจจุบันนั้นมีประสิทธิภาพแล้วหรือไม่

5. เราจะทำให้การทำงานแบบ Hybrid มีประสิทธิภาพและสร้าง Engagement ได้อย่างไร?

จากการวิเคราะห์ของ Gallup นี่คือ 3 สิ่งที่สถานที่ทำงานแบบ Hybrid จำเป็นต้องส่งเสริม และคำแนะนำสำหรับผู้นำองค์กรในการทำให้มั่นใจได้ว่าการทำงานแบบ Hybrid ในองค์กรของคุณนั้นก่อให้เกิดประสิทธิผลและเพิ่ม Engagement ของพนักงาน:

ผลิตภาพ (Productivity): ผู้นำองค์กรจะต้องกำหนดลักษณะการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับทีมของคุณและวิธีทำงานร่วมกันให้ดีที่สุดเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่มีร่วมกัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกำลังโฟกัสที่ผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพที่ถูกต้องและมีเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการติดตามความก้าวหน้าของทีม รวมทั้งการประเมินว่าทีมใดทำงานได้ดีที่สุดหากมาทำงานร่วมกันในออฟฟิศและทีมใดที่สามารถทำงานแบบ WFH ได้ อย่าลืมว่าทีมที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันในการทำงาน มักจะต้องการเจอหน้ากันในออฟฟิศมากว่าการสื่อสารทางไกล

ความยืดหยุ่น (Flexibility): ผู้นำจะต้องอนุญาตให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นรายทีมหรือแบบรายบุคคลเพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถเติบโตได้ทั้งในที่ทำงานและจากที่บ้าน โดยอาจจะให้อำนาจผู้จัดการในการกำหนดนโยบายของทีมที่ตนเองดูแลอยู่ และเมื่อมีความยืดหยุ่นในการทำงานเพิ่มขึ้น ผู้จัดการจำเป็นต้องเพิ่มการสื่อสารเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของงาน ความคืบหน้า และการส่งต่องานระหว่างสมาชิกในทีม เพื่อรักษา Engagement ของสมาชิกในทีมให้อยู่ในระดับที่ดี

การเชื่อมต่อ (Connectivity): ผู้นำองค์กรต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน เพื่อที่จะช่วยสนับสนุนการทำงานเป็นทีมและวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง เช่น การให้ทุกคนนำแล็ปท็อปมาใช้ในการประชุม ไม่ว่าจะอยู่ในออฟฟิศหรือ WFH  เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการประชุมและสร้างประสบการณ์ที่ครอบคลุมมากขึ้น จัดเทรนนิ่งเพื่อให้พนักงานทำงานจากทางไกลร่วมกันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญผู้นำจำเป็นต้องทำให้พนักงานรู้สึกถึงคุณค่าของวัฒนธรรมที่แข็งแรงและการปฏิสัมพันธ์ที่มีค่าที่พนักงานจะได้รับในสถานที่ทำงานเพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ

แน่นอนว่าการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่ได้ง่ายเลย ผู้นำองค์กรจะต้องมีความเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับความต้องการและชีวิตการทำงานของพนักงานในองค์กร เพื่อที่จะนำมาปรับใช้ในการวางแผนการริเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานขององค์กรให้เหมาะสมกับความต้องการด้านความยืดหยุ่นในการทำงานของพนักงาน และทำให้การทำงานแบบ Hybrid มีประสิทธิภาพและเพิ่มความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานได้มากที่สุด

Happily.ai | รู้จัก Happily.ai ใน 90 วินาที
เชิญเยี่ยมชมว่ามันเร็ว ง่าย และง่ายเพียงใดที่จะใช้ Happily.ai เพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วมของพนักงาน (Employee Engagement) และวัฒนธรรมในที่ทำงาน

เอกสารอ้างอิง

https://www.gallup.com/workplace/390632/future-hybrid-work-key-questions-answered-data.aspx

Subscribe to Smiles at Work | The Official Happily.ai Blog newsletter and stay updated.

Don't miss anything. Get all the latest posts delivered straight to your inbox. It's free!
Great! Check your inbox and click the link to confirm your subscription.
Error! Please enter a valid email address!